คลังเก็บป้ายกำกับ: ข่าวกีฬาที่น่าสนใจ

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยถูก ไรอัน กิ๊กส์ ต่อว่าเรื่องนิสัยการชอบดื่มน้ำอัดลมมาแล้ว

            ไรอัน  กิ๊ก ได้ให้สัมภาษณ์ข่าวกับสื่อของต่างประเทศในช่วงที่เขายังคงอยู่ทีมเดียวกันกับ นักเตะชื่อดังอย่าง คริสเตียโน่  โรนัลโด้   เกี่ยวกับเรื่องนิสัยการชอบดื่มน้ำอัดลมของ คริสเตียโน่  โรนัลโด้   เวลาที่กินข้าวในตอนเช้า  ซึ่งอดีตปีกพ่อมดในตำนาน  ของทีมสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อย่าง ไรอัน กิ๊ก  พูดถึงเรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับการชอบดื่มน้ำอัดลมของนักเตะคนดังอย่างคริสเตียโน่  โรนัลโด้   ในครั้งนั้นว่า ในช่วงที่เขาอยู่กับทีมแมนยู ตอนปี ค.ศ. 2003 จนถึงปี ค.ศ. 2009  ช่วงเวลานั้นตัวไรอัน กิ๊กเอง เขาได้อยู่ร่วมทีมเดียวกันกับ  คริสเตียโน่  โรนัลโด้  

และเขามักจะเห็นว่าตอนเช้าในทุกทุกเช้าหลังจากที่คริสเตียโน่  โรนัลโด้  กินข้าวเช้าเสร็จ คริสเตียโน่  โรนัลโด้   มักจะมีการถือน้ำอัดลมติดมือมายืนกินทุกครั้ง โดยส่วนมากจะมีการถือเป็นแบบกระป๋อง  ทำให้ไรอัน กิ๊กนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าโมโหเลยก็ว่าได้

ทำให้ในช่วงวันหนึ่งที่เขาเห็นคริสเตียโน่  โรนัลโด้   เดินถือกระป๋องน้ำอัดลมเข้ามาที่สนามอีกทำให้เขาอดใจไว้ไม่ไหว ตงเข้าไปต่อว่า คริสเตียโน่  โรนัลโด้   และยังผลักหน้าอก คริสเตียโน่  โรนัลโด้   ซึ่งในครั้งนั้นด้วยความที่เขาโมโหมาก เขาไม่แน่ใจว่าตอนที่เขาผลักคริสเตียโน่  โรนัลโด้  ไปนั้นร่างกายของ คริสเตียโน่  โรนัลโด้  กระแทกไปโดนกำแพงหรือไม่

แต่อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว เรื่องเล่านี้เป็นเพียงเรื่องเล่าในอดีตที่นำมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น เพราะตอนนี้หากคริสเตียโน่  โรนัลโด้   จะยังคงกินน้ำอัดลมอยู่อีก ไรอัน กิ๊ก ก็คงไม่สามารถไปทำอะไร กับนักเตะมากฝีเท้าอย่าง คริสเตียโน่  โรนัลโด้   ได้อีกต่อไปแล้ว 

ตอนนี้ Cristiano Ronaldo นั้นถือว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากระดับประเทศใครต่างก็ต้องการตัวเขาไปร่วมทีมด้วยกันทั้งนั้นซึ่งเหตุการณ์ในอดีตของเขากับไรอันกิ๊กนั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าสนุกๆที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา 

    อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ของไวรัสโคโรนาดีขึ้นเรื่อยๆซึ่งทางพรีเมียร์ลีกเองก็ได้มีการประกาศออกมาแล้วว่าช่วงประมาณกลางเดือนมิถุนายนนี้การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะกลับมาแข่งขันให้กับแฟนบอลได้ชมอย่างแน่นอนซึ่งในวันที่ 19 เดือนมิถุนายนนี้แฟนบอลจะได้พบกับทีมสเปอร์สที่จะลงสนามเป็นทีมแรก 

ทั้งนี้   ไรอัน กิ๊กส์ ไม่ได้ออกมาบอกในรายการสัมภาษณ์ครั้งนั้นว่าช่วงที่เขามีการพักหน้าอกของ Cristiano Ronaldo นั้นได้มีการชกต่อยกันเกิดขึ้นหรือไม่หรือเป็นแค่การทะเลาะเบาะแว้งกันนิดหน่อยแล้วแยกย้ายกันไปเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย  sagameผ่านมือถือ

ยังไงก็ต้องแข่งต่อให้จบ

จากประเด็นที่มีการถกเถียงกันมาตลอดทั้งสัปดาห์ในเรื่องการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษ พรีเมียร์ลีกนั้น ว่าจะดำเนินการแข่งขันกันต่อไปได้หรือไม่ รวมควรจะตัดจบให้มันรู้แล้วรู้แล้ว แล้วค่อยมาเลือกกันว่า ทุกอย่างที่มาในฤดูกาลนี้ ถือเป็นโมฆะ หรือว่าจะตัดสินตามอันดับปัจจุบันที่มีการจบนี้เลยจะดีกว่า

ซึ่งสื่อต่างประเทศในอังกฤษนั้น ได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้บริหารหลายคนของพรีเมียร์ลีกนั้น ยังคงต้องการให้มีการแข่งขันโปรแกรมที่เหลือให้จบ แต่ให้ไปเตะกันในสนามเป็นการแทน เพื่อจะได้ทำการแข่งขันให้จบไป โดยสนามเป็นกลางนั้นจะไม่มีคนดูเพื่อความปลอดภัยของการแพร่ระบาดไข้โควิด19 ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นปัญหาอย่างหนักที่ต้องให้สมาคมฟุตบอลของลีกแต่ละประเทศทำการตัดสินใจ

และแก้ไขต้องเจรจาแต่ละสโมสรในประเทศตัวเองเพื่อให้เข้าใจถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้น ซึ่งในเวลานี้ ในส่วนของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 นั้น ทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า ได้ทำการเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 ไปแล้ว เพื่อที่จะให้มีเวลาในการบริหารจัดการของลีกภายในแต่ละประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้บริหารหลายคนของทีมในสโมสรพรีเมียร์ลีก

เกิดความคิดว่า ถ้ายังนั้นหากมีเวลาเหลือพอที่จะจัดโปรแกรมการแข่งขันใหม่ให้ครบตามโปรแกรมได้ ก็ควรจะให้แต่ละสโมสรเตะกันให้ครบจำนวนนัดตามเดิม แต่ควรจะเล่นกันที่สนามกลาง หรือหาสนามมาสัก สองหรือสามสนาม ซึ่งอยู่ในเขตเมืองของย่านมิดแลนด์ เช่นสนามของเลสเตอร์ซิตี้  วูลฟ์แฮมตัน แอสตันวิลล่า น๊อตติ้งแฮมฟอเรสต์ หรือเบอร์มิงแฮม โดยเป็นการเล่นแบบปิดสนามไม่ให้มีคนดู และจัดขยับโปรแกรมการแข่งขันให้ทุกๆทีมต้องเล่นทุก สามวัน ต่อหนึ่งเกม เพื่อให้ฟุตบอลลีกนั้น จบลงไปโดยเร็วยิ่งขึ้น

แต่จะมีการถ่ายทอดสดให้ชมเช่นเดิม แต่ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นแค่แผนการนำเสนอแนวคิดกันเท่านั้น ซึ่งยังไม่ได้มีมติลงคะแนนเป็นเอกฉันท์ ว่าจะทำอย่างไรหรือตัดสินใจอย่างไรกันต่อดี ซึ่งแผนการนี้ จะถูกนำเข้ามาเสนอในที่ประชุมและเชิญผู้บริหารของทั้ง ยี่สิบทีมในสโมสรพรีเมียร์ลีก เข้ามาประชุมเจรจาเพื่อหารือข้อสรุปกันอีกครั้งว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ซึ่งหากแผนการนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อเพื่อทำลงคะแนนเสียงนั้น

ในจำนวน ยี่สิบทีมของพรีเมียร์ลีกนั้น จะต้องพร้อมใจกันลงคะแนน และจะต้องมีคะแนนเสียง สามในสี่ ของจำนวนทีมทั้งหมด จึงจะถือว่าเป็นเอกฉันท์นั่นเอง ซึ่งหมายความว่าต้องมีสิบสี่ทีมในยี่สิบทีมที่ลงเลือกแบบนี้

แคมป์ทีมชาติเยอรมันที่เน่าเฟะ

ในยุคปี 2002 ถึง 2010 นั้น ภายใต้ทีมชาติเยอรมัน มีจอมทัพนักเตะที่เก่งกาจ ที่มีนามว่า มิชาเอล บัคลัค ชายผู้มีความสามารถในการเตะฟุตบอลเป็นอย่างมาก และพาทีมต้นสังกัดทะลุเข้าชิงได้หลายรายการ แต่สุดท้ายทุกครั้งก็ทำได้เพียงแค่รองแชมป์ แต่ถึงกระนั้น แฟนบอลสโมสรที่เค้าเล่น หรือแฟนบอลทีมชาติเยอรมันนั้น

ต่างก็มีความรักและศรัทธาในตัวเค้า รวมถึงลูกทีมที่เล่นร่วมกับเค้าและเคียงบ่าเคียงไหล่มาตลอด แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คนคิด เพราะเรื่องมันแดงขึ้นมาตอนใกล้จะแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2010 ที่ตัวของบัคลัค เองนั้น ดำรงตำแหน่งกัปตันทีมชาติเยอรมัน พาลูกทีมฝ่าฟันตะลุยผ่านรอบคัดเลือกไปเล่นรอบสุดท้ายได้ แต่ก่อนที่จะถึงฟุตบอลโลก บัคลัค ได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคัพ

ระหว่างทีมต้นสังกัดของเค้า สโมสรเชลซี กับสโมสรปอร์ทสมัธ ซึ่งสาเหตุที่เค้าเจ็บนั้นก็เกิดมาจาก เควิน ปริ๊นซ์ บัวเต็ง ผู้เล่นทีมชาติเยอรมันอีกคนหนึ่งในยุคนั้น ทำให้ตัวบัคลัคเองนั้น หมดสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลโลก จึงทำให้ โยอาคิฟ เลิฟ ผู้จัดการทีมชาติเยอรมัน ตัดสินใจแต่งตั้ง ฟิลิป ลามห์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งกัปตันทีมแทน

ซึ่งฟิลิป ลามห์ ก็สามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และพาทีมชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนั้นได้ด้วยอีก แต่ความเน่าเฟะ มันดันเริ่มขึ้นมาตอนที่ บัลลัค ได้ตัดสินใจบินร่วมทีมกับทีมฟุตบอลเพื่อไปให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีมถึงขอบสนาม แต่กลับกลายเป็นว่า ตัวเค้าเองนั้นเหมือนคนนอกที่ไม่มีใครสนใจใยดี หนำซ้ำ ยังมีข่าวหลุดออกมาว่า ตอนที่บัคลัค โดนเควิน ปริ๊นซ์ บัวเต็ง

เสียบจนบาดเจ็บไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกนั้น ได้มีนักฟุตบอลในทีมชาติ ส่งข้อความมาขอบคุณ เควิน ที่ทำให้บัคลัค บาดเจ็บและไม่ได้ไปร่วมแข่งฟุตบอลโลกครั้งนี้ อีกทั้งเมื่อกลับมาจากฟุตบอลโลกนั้น บัคลัค หายเจ็บกลับมา แต่ฟิลิป ลามห์ ได้เดินเข้าไปบอกกับผู้จัดการทีมชาติเยอรมัน ว่าเค้าจะไม่คืนปลอกแขนกัปตันทีมให้กับบัคลัค เด็ดขาด เพราะตัวเค้าเองนั้นทำหน้าที่ได้ดีกว่า และลูกทีมก็เชื่อมั่นในตัวเค้ามากกว่า

จึงทำให้สถานการณ์ในแคมป์ทีมชาติเยอรมันร้อนระอุเป็นไฟเข้าไปอีก จึงต้องทำให้ โยอาคิม เลิฟ ต้องทำการตัดสินใจว่า จะให้บัคลัค อยู่กับทีมต่อไป หรือจะให้เค้าหลุดจากทีมชาติ เพื่อรักษาบรรยากาศภายในแคมป์ทีมชาติให้ดีอยู่ต่อไปเหมือนช่วงฟุตบอลโลกที่เยอรมัน สามารถทะลุคว้าแชมป์ได้ สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมานั้น ชายที่มีนามว่า บัคลัค ก็เหมือนโดนแทงข้างหลังและต้องจากทีมชาติไปอย่างเดียวดาย

กองหน้าที่ได้ใบเหลืองบ่อยที่สุด

ด้วยตำแหน่งนักฟุตบอลในสนามฟุตบอลนั้นการที่จะได้ใบเหลืองหรือใบแดงนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นตำแหน่งกองหลังและกองกลางที่จะมีหน้าที่ในการป้องกันเกมรุกของฝ่ายตกข้าม ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องมีการทำฟาวล์และยอมเสียใบเหลืองบ่อยครั้งไป ซึ่งบางเกมนั้น หากมีการทำฟาวล์อย่างรุนแรงขึ้นมาก็อาจจะมีถึงขั้นโดนใบแดงกันเลยทีเดียว แต่ที่หน้าแปลกนั้นในโลกของฟุตบอลตำแหน่งกองหน้าที่มักจะไม่ได้มีหน้าที่ในการทำฟาวล์คู่ต่อสู้นั้น ก็มีนักเตะบางคนที่ได้ใบเหลืองอยู่บ่อยครั้ง และมักจะเป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่งซะด้วย

คนแรกคือ คริสติโน่ โรนัลโด้ ซึ่งน่าแปลกใจว่า ทำไมโรนัลโด้ ถึงได้รับใบเหลืองบ่อยนัก และมีถึงขนาดที่ได้ใบแดงด้วย แต่พอไปดูสาเหตุแล้วนั่น มาจากการที่โรนัลโด้ ชอบพุ่งล้มโดยที่ไม่จำเป็นและตบตากรรมการจึงทำให้เค้าได้ใบเหลืองในลักษณะนี้บ่อยครั้ง

คนสองคือ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ศูนย์หน้าจากสโมสรหงส์แดงลิเวอร์พูล ที่เป็นอีกคนที่ได้ใบเหลืองบ่อย และนับตั้งแต่เค้าย้ายมาที่อังกฤษนั้น ในศึกพรีเมียร์ลีก นักเตะคนนี้ได้รับใบเหลืองไปแล้วทั้งสิ้น เจ็ดครั้ง ซึ่งทั้งเจ็ดครั้ง มาจากท่าดีใจจนเกินเหตุหลังยิงประตูได้

คนที่สาม อัลวาโร โมราต้า ซี๋งหากดูจากหน้าตาแล้วไม่น่าจะเป็นคนใจร้าย ที่ทำฟาวล์คู่ต่อสู้จนได้รับใบเหลืองเลย แต่เมื่อใดก็ตามที่เป็นช่วงฟอร์มฝืดยิงประตูไม่ได้เป็นระยะเวลานานนานแล้วล่ะก็ นักเตะคนนี้มักจะอารมณ์ขึ้นและไล่เตะกองหลังไปทั่ว

คนที่สี่ หลุยส์ ซัวเรซ กลับฉายาจอมกัดหูที่ทั้งโลกต้องตะลึง เพราะไม่มีใครเถียงถึงความสามารถของนักเตะดาวยิงคนนี้ แต่ตัวแกเองนั่นแหล่ะที่มักจะชอบเล่นตุกติก จนได้รับใบเหลืองอยู่บ่อยครั้ง และเคยมีถึงขนาดกัดหูและกัดไหล่คู่แข่งมาแล้ว

คนที่ห้า เวนย์ รูนนี่ย์ ศูนย์หน้าที่ทำสถิติได้ใบเหลืองพอๆกับยิงประตู พอตัวนักเตะคนนี้เป็นนักเตะที่ได้ใบเหลืองสูงสุดเป็นอันดับสองรองจากแกเร็ธ แบรี่ ที่เล่นเป็นตำแหน่งกองกลาง เพราะด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดันและเอาจริงเอาจังของเค้านั้นเอง

คนที่หก อลัน สมิธ นักเตะกองหน้าที่น่าจะไปเป็นนักเลง เพราะนักเตะคนนี้ตั้งแต่สมัยอยู่ลีดส์แล้วเป็นนักเตะที่โหด แบบแถวบ้านเรียกว่า ใครเจ๋งกูต่อย เพราะการเข้าบอลของนักเตะคนนี้ เรียกได้ว่าพร้อมมีเรื่องได้เสมอ จนถึงขนาดหลังๆ ตอนย้ายมาเล่นที่แมนยู ป๋าเฟอร์กี้ บอกว่าถ้าโหดนัก ก็ถอยไปเล่นเป็นตำแหน่งกองกลางซะเลย

 

สนับสนุนโดย  9luck

ชายที่ชื่อว่า หลุยส์ ฟานกัล

นับตั้งแต่แมนยูไนเต็ด หมดยุคของ ป๋าเฟอร์กี้ แล้ว ก็เข้าสู่ยุคถอยหลังลงคลอง

ไม่ว่าจะเอากุนซือคนไหนมาคุมทีมก็ไม่อาจจะเทียบชั้นกับสิ่งที่ เฟอร์กี้ ทำไว้ได้ ซึ่งขนาดผีแดงแมนยู ได้ยอดกุนซืออย่างหลุยส์ ฟานกัลป์ ที่ผ่านการคุมทีมยักษ์ใหญ่มามากมายแล้วก็ยังไม่วายที่เอาชื่อมาทิ้งไว้ที่สโมสรแห่งนี้ เพราะนับตั้งแต่ที่แมนยู ได้ตัวกุนซือคนนี้มาคุมทีม แมนยู จากที่เคยเป็นทีมที่ยิงประตูคู่แข่งได้อย่างมากมายเฉลี่ยปีละเก้าสิบประตู กลับเหลือเพียงแค่สี่สิบประตูเท่านั้น

ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่สุดแย่เลยทีเดียว แถมยังทำสถิติไร้ชัยชนะตลอดแปดนัดติด ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของทีมอย่างแมนยูไนเต็ด รวมถึงการทำลายจิตใจของแฟนผีแดงทั่วโลก ที่สร้างจินตนาการเกมรุกได้ห่วยที่สุดและน่าเบื่อที่สุด

ด้วยรูปแบบการเล่นที่ครองบอลไปมาแล้วส่งคืนหลัง ซึ่งจากสถิติตลอดฤดูกาลที่ทางสื่อของอังกฤษนั้นได้นำมาเผยแพร่ว่า ทีมผีแดงมีสถิติการส่งบอลคืนหลังมากที่สุดในลีกถึงสามพันกว่าครั้งเลยทีเดียว ทั้งนี้สิ่งที่แฟนบอลแมนยูประหลาดใจที่สุดกับ ยอดกุนซือคนนี้ก็คือการแก้เกม ที่แฟนบอลผีแดงทั่วโลกชินตาและคุ้นตากับสิ่งมหัศจรรย์ ที่บรมครูอย่าง อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำไว้นั้น ด้วยทุกๆ

ครั้งที่ใกล้จะหมดเวลาแล้วแมนยูโดนนำ เฟอร์กี้ มักจะเปลี่ยนตัวลงมาแก้เกมได้เสมอ แต่กับยุคของฟานกัลป์นั้น เมื่อบอลโดนนำ และใกล้หมดเวลา ผีแดงในยุคของเค้ากลับเปลี่ยนตัวเอากองหลังลงมา แทนที่จะเอากองหน้าลงมา ซึ่งถือว่าเป็นการแก้เกมที่สร้างความสับสนและความงง ให้กับแฟนผีแดงทั่วโลกเลยจริงๆ แต่สิ่งหนี่งที่ยังถือว่าเค้าทำได้ดีกับสโมสร ก็คือการให้โอกาสดาวรุ่งที่มีโอกาสแจ้งเกิด อย่าง มาคัส แรสฟอร์ด และ เจสซี่ ลินการ์ด ที่ก้าวจากชุดเยาชน ขึ้นมาเป็นตัวหลักของสโมสรได้ในเวลาต่อมา

แต่ก็ยังไม่วายที่จะขายตัวหลักที่เฟอร์กี้ เคยหวงนักหนาให้เก็บไว้เล่นที่สโมสร อย่าง โรบิน ฟานเพอร์ซี่ อดีตดาวยิงของอาร์เซนอล ที่เคยไปกระชากตัวมา หรือแม้แต่ แดนนี่ เวลเบ็ค ที่ขายและปล่อยตัวไปให้กับคู่แข่งอย่างอาร์เซนอล ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกพอสมควรกับสิ่งที่กุนซือ ที่เคยได้รับการยกย่องว่าเก่งเป็นอันดับต้นๆของโลกฟุตบอล แต่กลับมาสร้างชื่อเสียไว้ที่สโมสรแมนยูไนเต็ด ให้แฟนๆ ร้องยี้กันจนถึงทุกวันนี้

 

สนับสนุนโดย  BK8

ข่าวกีฬาที่น่าจับตามองในวันนี้

ทีมเวอร์ตันนั้นได้ทาบทามผู้จัดการทีมดังมาเพื่อเป็นการคุมทีมอย่างยาวนาน

อังกฤษ สกายสปอร์ต นั้นเขาได้รายงานมาว่า เอฟเวอร์ตัน

นั้นเขาจะเพียรพยายามที่จะทาบทาม อูไน เอเมปรี่ ผู้จัดการทีมตกงานแถมประสบการณ์สูง หากได้หัวเข่ามารับงานจับบังเหียนกลุ่มที่ถิ่นข้าดิสัน พาร์คแบบถาวร แต่คาดว่านายใหญ่ชาวสสแปนิชนั้นบางครั้งก็อาจจะจำเป็นต้องใช้เวลาสำหรับเพื่อการที่คิดอย่างมากเพราะว่าเกี่ยวกับการรับงานใหม่และก็ยิ่งเป็นในเมืองของผู้ดี 

โดยผู้รายงานข่าวของสกายสปอร์สื่อดังของอังกฤษนั้นได้รายว่า เอฟเวอร์ตัน นั้นเขาได้บากบั่นที่จะทาบทาม อูไน เอเมปรี่ ผู้จัดการทีมไม่มีงานทำรวมทั้งจากประสบการณ์ของเขานั้นสูง ต้องการให้เขาเข้ามารับงานจับบังเหียนยอดกลุ่มที่ข้าดิสัน พาร์ค ในแบบถาวร แม้กระนั้นด้วยคาดว่านายใหญ่ชาวสแปนิช นั้นจะต้องใช้เวลาสำหรับในการคบคิดอยู่พักใหญ่ เกี่ยวกับการรับงานใหม่แล้วก็ยิ่งเป็นในเมืองผู้ดี

เอฟเวอร์ตัน ชมรมดังที่ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ซึ่งเริ่มได้กล่าวทาบทาม อูไน เอเมปรี่ ที่ปรึกษาชาวแปนิสเพิ่ที่จะให้เข้ามารับตำแหน่งสำหรับเพื่อการคุมกองทัพ ท๊อฟฟี้สีน้ำเงิน มาแทนที่มาร์โก สิลวา ที่พึ่งพิงโดนไล่ออกจากกลุ่ม ซึ่งในคราวนี้เป็นการเผยของผู้สื่อข่าววงในผู้ดีของ สกายสปอร์ต 

เอเมปรี่ซึ่งจะแปลงเป็นกุลซือพื้นที่ว่างงานภายหลังจากโดน อาร์เซน่อล สั่งให้ปลดไปเมื่อต้นเดือนของธ.ค.ก่อนหน้านี้ แล้วก็จากนำเดอะ กันเนอร์ส ที่ทำให้ผิดหวังจากผลงานรวมทั้งด้วยเหตุผลดังกล่าวด้วยประสบการณ์สำหรับการที่พวกเราเคยปฏิบัติงานมาหลายสมาพันธ์ทำให้เขานั้นได้มีแถลงการณ์ว่าเอฟเวอร์ตันนั้นเขาเชื่อถือ ที่จะกู้เอาความรู้ความเข้าใจของเขานั้นมากมายอบกู้ ลูกอมสีน้ำเงิน กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีได้

ไม่ว่าแม้กระนั้นได้มีการคาดหมายไว้ว่าเอเมปรี่ นั้นเขาอยากใช้เวลาสำหรับเพื่อการคิดเกี่ยวกับการที่เขานั้นจะรับงานใหม่นั้นแล้วก็ตัวเขาเองนั้นก็ต้องการที่จะปรับปรุงตนเองในเรื่องของภาษาอังกฤษให้ดียิ่งกว่านี้ ก่อนที่จะตัวของเขานั้นจะตกลงใจสำหรับเพื่อการรับงานอีกในดินแดนของผู้ดี เวลานี้ก็ได้มีข่าวสารการกล่าวว่าเอเมปรี่ได้มีการนัดเจอะกันเป็นอย่างทางการกับผู้บริหารจากเอฟเวอร์ตัน ที่กรุงลอนดอน ซึ่งปัจจุบันนี้พวกเรามีความคิดว่าการเป็นไปได้อย่างมากที่เขานั้นบางทีอาจจะยังไม่รับงานนี้

ในสำหรับเวลานี้ดันแคนเฟอร์กูสัน นักเลงเก่าจอมกระแทกรับหน้าที่จับบังแล้วก็พึ่งจะทำผลงานอันดีเด่นไปด้วยการนำสังกัดเดิมต้อน สิงโตสีน้ำเงินคราม เซลวซี 3-1 เกมลีกเมื่อในวันเสาร์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ซึ่งในผลที่ได้รับจากการแข่งขันนั้นทำให้กลุ่มนั้นได้ขยับขึ้นมาอยู่ในชั้น 14 โดยดังนี้ได้มีรายนาม ผู้จัดการทีมผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยที่กลายเป็นข่าวสารกับเอฟเวอร์ตันกับแมนเซลเตอร์ยูไนเต็ดแล้วก็นี้ นิหรูหรา โคชวัชด้วย